skip to main |
skip to sidebar
การ Format1. การ Format ก็คือการลบข้อมูลทั้งหมดใน Partition นั้น ๆ ข้อมูลจะหายไปทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วข้อมูลยังอยู่ เพราะคอมพิวเตอร์แค่ไป mark ไว้เท่านั้นว่าข้อมูลตรงนี้เป็นข้อมูลว่างสามารถใช้งานได้ ทำให้แม้ว่าจะ Format ข้อมูลใน Hard Disk ไปแล้ว ก็ยังมีมือดี (ดีจริงเหรอ) กู้ข้อมูลกลับคืนมาได้2. จะ Format กี่ครั้งก็ได้ แต่ตามปกติแล้ว จะ Format ก็ต่อเมื่อต้องการติดตั้ง OS ใหม่เป็นเหตุผลหลัก3. ขั้นตอนการ Format สามารถทำได้ 2 วิธี 3.1 แบบ Command Prompt มีขั้นตอนดังนี้ - คลิกที่ Start >> run >> พิมพ์ cmd - พิมพ์ format และชื่อ drive เช่น format d: 3.2 แบบ GUI มีขั้นตอนดังนี้ - เปิด My Computer - คลิกที่ Drive ที่ต้องการ Format - คลิกขวาแล้วเลือก Format - เลือกประเภทของ File System ที่ต้องการว่าจะใช้ Fat, Fat32 หรือ NTFS - คลิกที่ Start เพื่อเริ่ม Formatหมาย เหตุ : กรณีต้องการ Format Drive ที่มี OS เช่น Drive C ควร Format ด้วยแผ่นติดตั้ง Windows จะดีที่สุด >> ตอนลง Windows ที่หน้าจอเลือก Partition เครื่องจะถามเราว่าจะ Format หรือไม่ ก็ให้ Format ไปการลงวินโดวส์ใหม่1. เปิดเครื่อง สั่ง BIOS ให้ boot จาก CD-ROM (boot from CD-ROMอันดับแรก)หลังจาก save BIOS และ exit กดEnterแล้วเครื่องจะ restart2. ใส่ แผ่น windows XP เข้าไปใน CD-ROM Drive3. จะพบข้อความ press any key to boot from CD.. ให้กดปุ่ม Enterเพื่อ boot เครื่องจาก CD-ROM Widows XP4. จะมีการ copy ไฟล์หรือข้อมูลบางส่วน ให้รอไปก่อน5. เมื่อพบหน้าต่าง welcome to setup ให้เริ่มติดตั้งได้ทันทีโดยกดปุ่ม Enter เพื่อทำขั้นตอนต่อไป6. จะปรากฏข้อความเกี่ยวกับการใช้งาน windows XP (หน้าจอเขียนว่า Windows XP Licensing)ให้กดปุ่ม F8 เพื่อยอมรับรายละเอียดดังกล่าว7. พอมาถึงขั้นตอนนี้ จะเป็นการเลือกติดตั้ง Windows XP ลงใน partition ใดจะพบคำสั่งให้เลือก 3 แบบคือ-ติดตั้งใน partition ที่เลือกไว้ ให้ กด Enter-สร้าง partition ใหม่กด C-ลบ partition นั้นกด Dสมมติว่าจะเลือกลงใน partition ที่เลือกไว้คือ Drive C นะให้กด Enter เพื่อติดตั้งที่ Drive C8. เลือกระบบไฟล์ที่ต้องการ โดยกดปุ่มลูกศรขึ้นลง หลังจากนั้นกด Enter9. ปรากฏหน้าจอให้ format (to continue and format the partition ,press Enter) ให้กด Enter10. Windows จะเริ่ม format11. หลังจาก format แล้วมันก็จะ copy ข้อมูลลงใน HDD12. หลังจากนั้นปรากฏหน้าจอ This partition of setup has completed……ให้กดปุ่ม Enter เพื่อ restart เครื่อง13. หลังจากเครื่องเริ่ม restart อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกว่าจะขึ้นหน้าจอ Windows XP Professional14. จะเห็นวินโดว์ตรวจสอบค่าต่างๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีอะไรของมันไปตามเรื่อง15. รอสักหน่อยก็จะปรากฏหน้าต่าง Regional and language Option ออกมา คลิ๊กที่แท็บ Customize16. คลิ๊กที่แท็บ languages17. คลิ๊กถูกที่ข้อความ install files for complex scipt….แล้วตอบ OKและคลิ๊กถูกที่ install files for East Asian language แล้วตอบ OK18. จากนั้น คลิ๊กที่แท็บ advanced19. เลือกภาษาไทย แล้วกด Apply เครื่องจะ copy ไฟล์ font ภาษาไทย (ขั้นตอนนี้ใจเย็นรอสักครู่)20. หลังจากนั้นคลิ๊กที่แท็บ regional option แล้วเลือกไทย location ก็เลือกเป็น Thailand21. คลิ๊ก next22. จะปรากฏหน้าต่าง personalize Your softwareให้ตั้งชื่อตามใจที่ต้องการ ส่วนช่อง Organization เลือกพิมพ์เป็นอะไรก็ได้23. คลิ๊ก next24. กรอกหมายเลขแผ่น windows XP ซึ่งมี 25 ตัว25. คลิ๊ก next26. กรอกชื่อ computer ที่ช่อง computer name27. ตั้ง password หรือไม่ตั้งก็ได้ตามใจ28. คลิ๊ก next29. ตั้งวันที่ให้ตรง ที่ time zone เลือก GMT +7 Bangkok,Hanoi,Jakata30. คลิ๊ก next31. เลือการติดตั้งแบบ Typical32. คลิ๊ก next33. กรอกข้อมูลเครือข่ายกรณีที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยใส่ชื่อเครือข่ายถ้ามี modem มันก็ให้ set ค่าต่างๆ ขณะนั้นเลย ก็กรอกไป34. คลิ๊ก next และรอต่อไปจนกระทั่งมัน restart ใหม่35. อย่ากดปุ่มใดๆ ให้รอจนกระทั่งมันขึ้น logo Windows Xp professional36. ถ้าเครื่องเป็น VGA on Board มันก็จะปรับขนาดจอภาพให้จนขึ้นมองได้ชัดเจนแล้วให้กด OKแต่ถ้าเป็น VGA ต่างหากมันจะข้ามขั้นตอนนี้ไป37. จะปรากฏหน้าจอ Welcome to………. .ให้คลิ๊ก next ด้านล่างขวา38. หากต่อ internet มันจะเชื่อมต่อ internet เพื่อ updateแนะนำว่าข้ามขั้นตอนนี้ไปเลยโดยคลิ๊กที่ skip ซึ่งอยู่ด้านล่างขวา39. จะปรากฏหน้าจอ ready to register with ….. ให้เลือก No, not this time40. คลิ๊ก next ด้านล่างขวา41. จะปรากฏหน้าจอ who will use this computer? ให้กรอกชื่อผู้ใช้ซึ่งมีให้กรอก 5 usersแต่กรอกชื่อเดียวได้โดยชื่อนั้นห้ามซ้ำกับชื่อเครื่องที่ตั้งไว้ในข้อ 2642. คลิ๊ก next ด้านล่างขวา43. คลิ๊ก finish ด้านล่างขวา เป็นอันเสร็จ
การปรับแต่งค่าต่างๆของ Biosก่อนอื่นนั้นต้องมาดูหน้าที่หลักๆ ของไบออสกันก่อนนะครับ ไบออสนั้นจะเป็นส่วนเกี่ยวกับการเก็บค่า Configuration ของ อุปกรณ์ Input / Output ทั้งหลาย โดยจะเรียกใช้ค่านั้นทุกครั้งที่ทำการเปิดเครื่อง โดยหลังๆ มานี้ไบออสได้มีการพัฒนาไปมาก เมนบอร์ดในบางยี่ห้อ มีการรวมใส่ส่วนของ Utilities ในการปรับค่าต่างๆ เช่น การโอเวอร์คล๊อกผานไบออส เป็นต้นStandard CMOS Setupสำหรับในส่วนนี้จะไม่ค่อย มีค่าอะไรให้ปรับกันเท่าไหร่ โดยส่วนที่สำคัญคือในส่วนการตั้งค่าของอุปกรณ์ที่เป็น IDE ทั้งหลาย โดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นฮาร์ดดิสแหละครับ ตรงนี้ผมแนะนำให้ตั้งแบบ Manual ไม่ต้องเซ็ทเป็น Auto เพราะจะทำให้เวลาในการบูต นานขึ้นครับ อีกอย่างนึงพวก drive CD ก็เซ็ทเป็น None ก็ได้ครับ จะช่วยให้ผ่านขั้นตอนการ Post เร็วขึ้นเยอะ ( ยกเว้นคนที่ต้องการบูตเครื่องด้วย CDROM ให้เซ็ทเป็น Auto นะครับ)Bios Features SetupVirus Warning ( ค่าที่ปรับได้ : Enable , Disable )ค่านี้นั้นจะเป็นการเซ็ทเพื่อให้ไบออสทำการเตือนเมื่อมี โปรแกรมใดๆ พยายามที่จะเขียนข้อมูลลงไปที่ Boot Sectors ของฮาร์ดดิส ซึ่งอาจจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่ผมไม่แนะนำให้ใช้ครับ ลำพังโปรแกรม Anti Virus ที่เราลงไว้ในเครื่อง ก็สามารถปกป้อง Boot Sectors ได้ดีกว่า การตั้งค่านี้เป็นไหนๆ อีกอย่างนึง เมื่อมีการเตือนขึ้นมา ส่วนใหญ่เครื่องจะแฮ๊งไป Recommended Setting : DisableCPU L2 Cache ECC Checking ( ค่าที่ปรับได้ : Enable , Disable )ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับ ว่าเป็นการปรับในส่วนของ ECC ( Error Correction ) ของ L2 Cache ในตัว CPU ของเรา ในค่านี้นั้น ต้องเลือกเอาเองแล้วล่ะครับ ว่าจะเปิดหรือจะปิด เพราะว่าถ้าเปิดไว้นั้น จะช่วยให้เครื่องทำงานได้สเถียรมากขึ้น แต่ Performance นั้นอาจจะมีการดรอปลงไปนิดหน่อย ส่วนถ้าปิดไว้นั้น ความสเถียรก็จะลดลงล่ะครับ แต่ก็อาจจะช่วย ให้สามารถโอเวอร์คล๊อกในสปีดสูงขึ้นได้ Recommended Setting : EnableQuick Power On Self Test ( ค่าที่ปรับได้ : Enable , Disable )ขั้นตอนการ POST หรือ Power On Self Test นั้น เป็นขั้นตอนตั้งแต่เราเปิดเครื่อง ผ่านการอ่านค่าต่างๆ ในไบออส มีการเช็คอุปกรณ์ต่างๆ เช่นหน่วยความจำ หรือ ฮาร์ดดิส ซึ่งตรงนี้นั้นถ้าเราปรับเป็น Quick Power On Self Test ขั้นตอนการ POST จะเร็วขึ้นมากครับ ซึ่งค่าตรงนี้เครื่องส่วนใหญ่จะ Enable มาอยู่แล้ว ก็เขียนมาให้ดูกันเฉยๆ ครับ Recommended Setting : EnableBoot Up Floppy Seek ( ค่าที่ปรับได้ : Enable , Disable )ค่านี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ เป็นการควบคุมให้ไบออส เช็คหรือไม่เช็ค Floppy Drive ของเรา แนะนำว่าให้ปิดไว้จะดีกว่านะครับ บูตเร็วขึ้นนิดหน่อย และเปิดไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร Recommended Setting : DisableVideo Bios Shadow ( ค่าที่ปรับได้ : Enable , Disable )หากทำการเปิดค่านี้ จะทำให้ไบออสของการ์ดจอถูก Copy เข้าไปไว้ที่แรมของเครื่อง ซึ่งหากมีการอ่านนั้นก็จะไปอ่านที่แรม ของเครื่องแทนที่จะเข้าไปอ่านในไบออสของการ์ดจอ ประโยชน์ของค่านี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นอดีตไปซะแล้วล่ะครับ เพราะ VGA Card ใหม่ๆ ในปัจจุบันนั้น จะบรรจุไบออสมาในรูปแบบ Flash Memory ( EEPROM ) ซึ่งการอ่านจาก Flash Memory นั้น มีความเร็วสูงกว่าการอ่านจากแรม ดังนั้นค่านี้ควรจะ Disable ไว้ดีกว่าครับ ไม่เปลืองแรมระบบ ส่วนค่าของการ Shadow ค่าอื่นๆ ก็ควรจะ Disable เอาไว้เช่นกันครับ Recommended Setting : DisableChipset Features SetupSDRAM CAS Latency Time ( ค่าที่ปรับได้ : 2 , 3 , Auto )ในบางเมนบอร์ดอาจจะเรียกค่านี้ว่า SDRAM Cycle Length ก็เป็นค่าเดียวกันนะครับ ค่านี้เป็นค่า Delay ในการทำงานของแรม ซึ่งยิ่งเซ็ทค่าน้อยก็ยิ่งดีครับ แนะนำให้เซ็ทไว้ที่ 2 จะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นกว่า 3 ประมาณ 10-15% ส่วนถ้าเซ็ทเป็น Auto นั้น ไบออสจะทำการอ่านค่าจากชิบ SPD บนตัวแรมว่าเหมาะกับการใช้ที่ CAS ใดให้เอง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น CAS3 แหละครับ ดังนั้นแนะนำว่าให้เซ็ทเองจะดีกว่า การเซ็ท CAS เป็น 2 นั้น แรมบางตัวอาจจะรับไม่ไหวนะครับ อาจจะเกิดการบูตไม่ขึ้น หรือเครื่องแฮ๊งเป็นระยะได้ Recommended Setting : 2SDRAM Bank Interleave ( ค่าที่ปรับได้ : 2 ways , 4 ways , Disable )ก่อนอื่นมาดูความหมาย และประโยชน์ของ Memory Bank Interleave กันก่อนนะครับค่า Interleave นี้จะไปแบ่งการทำงานของแรมออกเป็นบล๊อคๆ เช่นสมมุติว่าในการสั่งงานหรือมีข้อมูลเข้าไปที่แรมแต่ละครั้ง ผมจะเรียกแทนว่า word_0 , word_1 ,word_2, word_nในกรณีที่เซ็ทแรมเป็น 4 Ways Bank Interleave นั้น ลำดับของข้อมูลจะถูกจัดเป็น Bank_0 : word_0, word_4,word_8..word_n+0 Bank_1 : word_1, word_5, word_9..word_n+1 Bank_2 : word_2, word_6, word_a..word_n+2 Bank_3 : word_3, word_7, word_b..word_n+3จะเห็นนะครับ ว่าข้อมูลถูกหั่นเป็นส่วนๆ แล้วกระจายเข้าไปไว้ที่ Bank ต่างๆ ซึ่งประโยชน์ของการกระจายนี้คืออะไร มาดูกันBank แต่ละ Bank นั้นจะมี Control Line กันคนละชุด ซึ่งแยกกันสั่งงานและประมวลผล Bank ใคร Bank มัน เช่น ขณะที่ Bank0 มีการทำงานอยู่ แทนที่ Bank1 จะต้องรอ Bank0 ให้ทำงานเสร็จ Bank1 จะสามารถรับข้อมูลมารอแล้ว ก็ประมวลผลเอาไว้ก่อนได้เลยแต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับ Data Transfer เพราะในการประมวลผลนั้น อาจจะประมวลได้พร้อมๆ กันก็จริง แต่การโอนถ่ายข้อมูลออกมาจากแรมนั้น ยังต้องทำให้เสร็จๆ ไปทีละ Bank เหมือนเดิมนั่นก็หมายถึงถ้าเราเซ็ทเป็น 4 Ways แล้ว แรมจะสามารถรับข้อมูลและประมวลผลไว้รอได้ถึง 4 Bank เมื่อ Bank แรกประมวลผลเสร็จ และส่งข้อมูลออกไป Bank ต่อไป ( ซึ่งมีข้อมูลที่ประมวลผลเอาไว้รอแล้ว ) จึงจะส่งตามกันไปเรื่อยๆ ซึ่งจะลดเวลาในการต้องรอประมวลผลได้แล้วถ้าเราเซ็ทเป็น Disable ล่ะ แรมจะต้องรอกันเป็นทอดๆ คือเมื่อ Bank0 ประมวลผล และส่งข้อมูลเสร็จ แทนที่ Bank1 จะประมวลผลเอาไว้แล้ว เตรียมเพื่อจะส่งข้อมูลได้เลย แต่กลับต้องมารอ Bank1 ประมวลผลซะก่อน ( จะไม่มีการประมวลผลไว้ล่วงหน้า ) ซึ่งจะเห็นได้ว่าการรอกันเป็นทอดๆ นั้น เป็นการลดประสิทธิภาพของแรมลงอย่างเห็นได้ชัด Recommended Setting : 4 WaysFast R-W Turn Around ( ค่าที่ปรับได้ : Enable, Disable )ค่านี้เป็น Option สำหรับการลดระยะเวลา Delay ระหว่างที่ CPU จะทำการสลับโหมดในการ Read และ Write ข้อมูล แนะว่าว่าเปิดไว้เป็น Enable ความเร็วจะเพิ่มมานิดหน่อย แต่แรมบางตัวอาจจะรับค่านี้ไม่ได้ ก็ลองปรับดูนะครับ Recommended Setting : EnableAGP Fast Write ( ค่าที่ปรับได้ : Enable, Disable )Fast Write นั้นเป็นฟังค์ชั่นที่จะพบเห็นได้ใน VGA Card รุ่นใหม่ๆ เกือบทุกรุ่นนะครับ โดยหลักการของมันนั้น ผมก็ไม่ค่อย แน่ใจ ที่จำได้คร่าวๆ นั้น Fast Write จะทำให้ AGP สามารถติดต่อกับ CPU ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านหน่วยความจำ หรือส่วนอื่นๆ ( ไม่แน่ใจนะครับ ) แนะนำว่าให้ปรับเป็น Enable จะเร็วขึ้นนิดหน่อยครับ Recommended Setting : Enableยังมีอีกหลายค่านะครับ บางค่าผมเองก็ยังไม่รู้ความหมาย แต่ก็เคยได้ยินมาว่าควรจะปรับยังไง ก็เอามาให้ดูกันนะครับ ใครจะลองปรับตามก็ได้ตามสบายครับการตั้งค่าและความหมายของคำต่าง ๆ ใน BIOS ที่ควรทราบโดยปกติแล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงค่าต่าง ๆ ใน BIOS บ่อยนัก ยกเว้นเมื่อเราต้องการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่น CPU, RAM หรือ Hard Disk เป็นต้นการ เข้าสู่ BIOS Setup Mode
สำหรับวิธีการที่จะเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้นั้น จะขึ้นอยู่กับระบบของแต่ละเครื่องด้วย โดยปกติเมื่อเราทำการเปิดสวิทช์ไฟของเครื่องคอมพิวเตอร์ BIOS ก็จะเริ่มทำงานโดยทำการทดสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนที่จะเรียกใช้งานระบบ DOS จากแผ่น Floppy Disk หรือ Hard Disk ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เราสามารถเข้าไปทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS ได้โดยกด Key ต่าง ๆ เช่น DEL, ESC CTRL-ESC, CTRL-ALT-ESC ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละเครื่องจะตั้งไว้อย่างไร ส่วนใหญ่ จะมีข้อความบอกเช่น "Press DEL Key to Enter BIOS Setup" เป็นต้นปุ่ม Key ต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับการ Setup BIOS ส่วนใหญ่จะเป็นแบบเดียวกัน โดยจะมีรูปแบบทั่วไปดังนี้Up, Down, Left, Right ใช้สำหรับเลื่อนเมนูตามต้องการPage Up, Page Down ใช้สำหรับเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนแปลงค่าตามต้องการESC Key ใช้สำหรับย้อนกลับไปเมนูแรกก่อนหน้านั้นEnter Key ใช้สำหรับเลือกที่เมนูตามต้องการF1, F2 ถึง F10 ใช้สำหรับการทำรายการตามที่ระบุในเมนู BIOS Setupตัวอย่างการ ตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS Setupสำหรับตัวอย่างต่อไปนี้ผมนำมาให้ดู แบบรวมทั่ว ๆ ไปของ BIOS เท่าที่หาข้อมูลได้นะครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะคล้าย ๆ กัน เริ่มจากหลังจากที่กด DEL หรือ Key อื่น ๆ ขณะเปิดเครื่องเพื่อเข้าสู่ BIOS Setup Mode โดยปกติแล้ว ถ้าหากเป็นการตั้งค่าครั้งแรก หลังจากที่ทำการ Reset CMOS แล้ว ก็เลือกที่เมนู Load BIOS Default Setup หรือ Load BIOS Optimal-performance เพื่อเลือกการตั้งค่าแบบกลาง ๆ ของอุปกรณ์ทั่วไปก่อน จากนั้นจึงมาทำการเลือกแก้ไขเปลี่ยนแปลงแต่ละค่า ตามเมนูต่อไปนี้Standard CMOS SetupDate และ Time ใส่ วันที่ และ เวลา ปัจจุบันHard Disk กำหนดขนาดของ HDD (Hard Disk) ว่ามีขนาดเท่าไร โดยเลือกตั้งค่าเองแบบ User, แบบอัตโนมัติ Auto หรือไม่ได้ติดตั้งก็เลือกที่ NonePrimary / Master อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ MasterPrimary / Slave อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE แรก แบบ SlaveSecondary / Master อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ MasterSecondary / Slave อุปกรณ์ที่ต่อกับ IDE ที่สอง แบบ Slave- Cylsจำนวน cylinders ใส่ตามคู่มือ HDD- Headsจำนวน heads ใส่ตามคู่มือ HDD- Precompwrite precompensation cylinder ไม่ต้องกำหนดหรือใส่ตามคู่มือ HDD- Landz landing zone ไม่ต้องกำหนด หรือใส่ตามคู่มือ HDD- Sectors จำนวน sectors ใส่ตามคู่มือ HDDMode ถ้าหากทราบค่าที่แน่นอนให้ใส่เป็น User แต่ถ้าไม่แน่ใจ ให้ตั้ง Auto ไว้- Auto BIOSจะทำการตรวจสอบและตั้ง Mode ของ HDD อัตโนมัติ- Normal สำหรับ HDD ที่มี clys,heads,sectors ไม่เกิน 1024,16,63- Large สำหรับ HDD ที่มี cyls มากกว่า 1024 แต่ไม่ support LBA Mode- LBA Logical Block Addressing สำหรับ HDD ใหม่ ๆ จะมีการส่งข้อมูลที่เร็วกว่าDrive A: B: ชนิดของ Diskette Drives ที่ติดตั้งใช้งาน 360K, 720K, 1.2M หรือ 1.44MVideo ชนิดของจอแสดงภาพ (ปกติจะเป็น EGA/VGA)Halt On กำหนดการ Stop หากพบ Error ขณะที่ POST (Power-On Seft Test)- All errors การ POST จะหยุดและแสดง prompts ให้เลือกการทำงานต่อไปทุก Error- All, But Key การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error- All, But Disk การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Disk Drive Error- All, But Disk/Key การ POST จะไม่หยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error หรือ Disk ErrorMemory จะแสดงขนาดของ Memory ที่ใส่อยู่ ซึ่งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้- Base Memory โดยปกติจะเป็น 640K สำหรับ DOS- Extended คือ Memory ในส่วนที่สูงกว่า 1M ขึ้นไป- Other Memory หมายถึงส่วนของระหว่าง 640K ถึง 1MBIOS Features SetupVirus Warning การเตือนเมื่อมีการเขียนข้อมูลทับ Boot Record ของ HDD [Enabled]CPU Int / Ext cache การใช้งาน CPU Internal / External Cache [Enabled]CPU L2 Cache ECC Check การใช้ External Cache แบบ ECC SRAMsQuick Power On Seft Test การทำ POST แบบเร็ว [Enabled]Boot Sequence เลือกลำดับของการบูทเช่นจาก C:, A: หรือ IDE-0, IDE-1 [C: A:]Swap Floppy Disk กำหนดการสลับตำแหน่ง Drive A: เป็น Drive B: [Disabled]Boot Up Floppy Seek การตรวจสอบชนิดของ Disk Drive ว่าเป็นแบบใด [Disabled]Boot Up NumLock Status กำหนดการทำงานของ Key NumLock หลังจากเปิดเครื่อง [Disabled]Boot Up System Speed กำหนดความเร็ว CPU หลังจากเปิดเครื่อง [High]Gate A20 Option การเข้าถึง Address memory ส่วนที่สูงกว่า 1M [Fast]Typematic Rate Setting กำหนดความเร็วของการกด Key [Enabled]Typematic Rate (Chars/Sec) กำหนดความเร็วของการกด Key [6]Typematic Delay (Msec) กำหนดค่า delay ของการกด Key [250]Security Option กำหนดการตั้งรหัสผ่านของการ Setup BIOS หรือ System [Setup]PS/2 Mouse Control กำหนดการใช้งาน PS/2 Mouse [Disabled]PCI/VGA Palette Snoop แก้ปัญหาการเพี้ยนของสีเมื่อใช้การ์ดวีดีโออื่น ๆ ร่วมด้วย [Disabled]Assign IRQ for VGA กำหนดการใช้ IRQ ให้กับการ์ดจอ [Enabled]OS Select for DRAM > 64M การกำหนดหน่วยความจำสำหรับ OS2 [Non-OS]HDD S.M.A.R.T capability Self-Monitering Analysis and Reporting Technology ควรเลือก [Enabled]Video BIOS Shadow กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดแสดงผล C0000-C4000 ควรเลือก [EnabledAdapter ROM กำหนดให้ทำ Shadow กับ ROM จากการ์ดที่เสียบเพิ่มเติม- C8000 ใช้กับการ์ดแสดงผลชนิด MDA (จอเขียว)- CC000 ใช้กับการ์ด controller บางประเภท [Disabled]- D0000 ใช้กับการ์ด LAN [ถ้าไม่ใช้ตั้ง Disabled]- D4000 ใช้กับ controller สำหรับ Disk Drive ชนิดพิเศษ [Disabled]- D8000 ตั้ง [Disable]- DC000 ตั้ง [Disable]- E0000 ตั้ง [Disable]- E4000 ตั้ง [Disable]- E8000 ตั้ง [Disable]- EC000 ใช้กับการ์ด controller ชนิด SCSI [หากไม่ได้ใช้ตั้ง Disable]System ROM การทำ Shadow กับ ROM ของ BIOS ที่ F000 [Enabled]Chipset Features SetupAuto Configuration คือให้ BIOS จัดการค่าต่างๆโดยอัตโนมัติซึ่งจะเป็นค่ากลาง ๆHidden Refresh การเติมประจุไฟของ DRAM [Enabled]Slow Refresh ให้ DRAM ลดความถี่ในการเติมประจุไฟลง 2 - 4 เท่า [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]Concurrent Refresh การอ่าน-เขียนข้อมูล ได้พร้อมๆกับการเติมประจุไฟใน DRAM [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]Burst Refresh การเติมประจุไฟลง DRAM ได้หลายๆ รอบในการทำงานครั้งเดียว [เลือก Enabled ถ้าไม่มีปัญหาในการใช้งาน]DRAM Brust at 4 Refresh จำนวนการ Burst Refresh เป็น 4 รอบในการทำงาน 1ครั้ง [Enabled]Staggered Refresh การเติมประจุล่วงหน้าใน DRAM ใน Bank ถัดไปด้วย [Enabled]Refresh RAS Active Time ให้ทดลองกำหนดค่าน้อยที่สุดเท่าที่เครื่องจะสามารถทำงานได้AT Cycle Wait State เวลาที่รอให้การ์ด ISA พร้อม ให้ตั้งค่าที่น้อยสุดเท่าที่เครื่องทำงานได้16-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้8-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูต้องรอระหว่างรอบการทำงาน ให้ตั้งน้อยสุดที่ทำงานได้DMA Clock Source กำหนดความเร็วของอุปกรณ์ DMA โดยมีค่าปกติคือ 5 MHzMemory Remapping หากเปิดการทำงานนี้ไว้จะทำ Shadows กับ BIOS ใดๆ ไม่ได้ [Disable]Cache Read Hit Burst หรือ SRAM Read Wait State ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้Cache Write Hit Burst หรือ SRAM Write Wait State ระยะพักรอเมื่ออ่านข้อมูลลงใน L1 Cache ให้ตั้งน้อยที่สุดเท่าที่ทำงานได้Fast Cache Read / Write ให้แคชทำงานโหมดความเร็วสูง จะมีผลเมื่อแคชมีขนาด 64 KB หรือ 256 KBTag Ram Includes Ditry ให้แคชทำงานในโหมดเขียนทับโดยไม่ต้องย้าย/ลบข้อมูลเดิมออกก่อน หากมี Ram น้อยกว่า 256 MB ควรใช้ Dirty BitNon-Cacheable Block-1 Size กำหนดขนาดหน่วยความจำที่ห้ามทำแคช [OK หรือ Disabled]RAS to CAS Delay Time ค่าหน่วงเวลาก่อนที่จะสลับการทำงาน RAS-CAS ตั้งค่าน้อยที่สุด เท่าที่ทำงานได้CAS Before RAS การสลับลำดับการทำงานระหว่าง RAS และ CASCAS Width in Read Cycle กำหนดค่าหน่วงเวลาก่อนที่ซีพียูจะเริ่มอ่านข้อมูลใน DRAM ตั้งน้อยที่สุดที่ทำงานได้Interleave Mode ให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจาก DRAM ในโหมด InterleaveFast Page Mode DRAM ให้หน่วยความจำทำงานแบบ FPM โดยไม่ต้องอาศัย RAS และ CAS ซึ่งจะเร็วกว่าSDRAM CAS Latency Time หรือ SDRAM Cycle Length ระยะรอบการทำงานของ CAS latency ใน SDRAM ตั้งค่าน้อยที่สุด หรือใช้ค่า 2 กับ RAM ชนิด PC100 และใช้ค่า 3 กับ RAM ชนิด ความเร็วแบบ PC66/83Read Around Write กำหนดให้ซีพียูอ่าน - เขียนข้อมูลจากหน่วยความจำได้ในคราวเดียวกัน [Enabled]DRAM Data Integrity Mode เลือก Non-ECC หรือ ECC ตามขนิดของ SDRAMSystem BIOS Cacheable การทำแคชของ System BIOS ROM #F0000-FFFFF [Enabled]Video BIOS Cacheable การทำแคชของ Video BIOS ROM [Enabled]Video RAM Cacheable การทำแคชของ Video RAM #A0000-AFFFF [Enabled ถ้าไม่มีปัญหา]Memory Hole at 15M-16M การจองพื้นที่สำหรับ ISA Adapter ROM [Enabled]Passive Release กำหนด CPU to PCI bus accesses ช่วง passive release [Enabled]Delayed Transaction เลือก Enable สำหรับ PCI version 2.1AGP Aperture Size (MB) กำหนดขนาดของ AGP Aperture กำหนดเป็นครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมดPower ManagementMax Saving กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ สูงสุดUser Define กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ตั้งค่าเองMin Saving กำหนดการประหยัดพลังงานแบบ ต่ำสุดPM Control by APM กำหนดให้ควบคุมการประหยัดพลังงานผ่านทางซอฟท์แวร์ APMVideo Off Method กำหนดวิธีการปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน- V/H SYNC + Blank จะปิดการทำงาน V/H SYNC และดับจอภาพด้วย Blank Screen- DPMS สำหรับการ์ดแสดงผลและจอภาพที่สนับสนุนโหมด DPMS- Blank Screen จะทำการแสดงหน้าจอว่าง ๆ เมื่อประหยัดพลังงาน สำหรับจอรุ่นเก่า ๆVideo Off After ให้ปิดจอภาพเมื่อเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานแบบ Stanby หรือ SuspendStandby Mode กำหนดระยะเวลาเมื่อพบว่าไม่มีการใช้งาน จะหยุดทำงานของอุปกรณ์บางส่วนSupend Mode จะตัดการทำงานบางส่วนคล้าย Standby Mode แต่หยุดอุปกรณ์ที่มากกว่าHDD Power Down กำหนดระยะเวลาก่อนที่ BIOS จะหยุดการทำงานของ HDDResume by Ring เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้Resume by Alarm เมื่อ Enabled สามารถตั้งเวลาทำงานจาก Suspend Mode ได้Wake Up On LAN เมื่อ Enabled สามารถสั่งให้ทำงานจาก Soft Off Mode ได้Integrated PeripheralsIDE HDD BLOCKS MODE ให้ HDD อ่าน-เขียนข้อมูลได้ครั้งละหลาย Sector พร้อมกัน [Enabled]IDE PIO Mode... กำหนดการทำงานแบบ Programe Input/Output [ตั้งสูงสุดหรือ Auto]IDE UDMA... กำหนดการทำงานแบบ DMA หรือ UDMA [Enabled หรือ Auto]On-Chip PCI IDE กำหนดการใช้ช่องเสียบ HDD IDE ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]USB Keyboard Support กำหนดให้ใช้ Keyboard แบบ USB [Enabled]Onboard FDC Controller กำหนดให้ใช้ช่องเสียบ Disk Drive ที่อยู่บนเมนบอร์ด [Enabled]Onboard Serial Port 1 กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM1 ค่าปกติคือ 3F8/IRQ4Onboard Serial Port 2 กำหนดค่าแอดเดรสและ IRQ ให้ COM2 ค่าปกติคือ 2F8/IRQ3Parallel Port Mode กำหนดโหมดการทำงานของพอร์ตขนานได้ใน 3 แบบ [EPP&ECP]- SPP (Standard Parallel Port) คือโหมดมาตรฐานเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นเก่าๆ- EPP (Enhanced Parallel Port) คือโหมด 2 ทิศทางเหมาะแก่เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่- ECP (Extended Cap. Port) คือโหมดความเร็วสูง เมื่อต่อพ่วงกับ Scanner, Laplink ฯลฯECP MODE USE DMA คือกำหนด DMA สำหรับ Port ขนานแบบ ECP ซึ่งค่าปกติคือ 3การ ตั้งค่าอื่น ๆLoad BIOS Default Setupเมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ให้เป็นแบบกลาง ๆ สำหรับอุปกรณ์ทั่ว ๆ ไป หรือเป็นการตั้งค่าแบบ Factory Setup ก็ได้Load BIOS Optimize Setupเมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทำการตั้งค่าต่าง ๆ ของอุปกรณ์ ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดPassword Settingใช้สำหรับการตั้ง Password เมื่อต้องการจะเข้าไปเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าต่าง ๆ ใน BIOS หรือเมื่อต้องการจะเปิดเครื่อง โดยปกติเมื่อใส่ Password ระบบจะให้ใส่ Confirm ซ้ำ 2 รอบเพื่อป้องกันการใส่ผิดพลาด (ไม่ใส่อะไรเลย คือการยกเลิก password)HDD Low Level Formatเป็นเมนูสำหรับทำ Low Level Format ของ Hard Disk ซึ่งใช้สำหรับทำการ Format Hard Disk แบบระดับต่ำสุด ซึ่งถ้าหากไม่มีปัญหาอะไรกับ Hard Disk ก็ไม่จำเป็นต้องทำExit with Save Setting หรือ Exit without Save Settingเมื่อทำการเปลี่ยนแปลง ข้อมูลการตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS แล้วต้องทำการ Save เก็บไว้ด้วยนะครับ ส่วนใหญ่เมื่อทำการ Save แล้วจะบูทเครื่องใหม่ ค่าต่าง ๆ ที่ตั้งไว้จึงจะใช้งานได้CPU Setupนอกจากนี้ ในเมนบอร์ดรุ่นใหม่ ๆ ที่เป็นแบบ Jumper Free (ไม่ใช้ Jumper แต่จะใช้เมนูใน BIOS สำหรับตั้งค่าต่าง ๆ ) จะสามารถตั้งค่าของความเร็ว CPU, ค่า multiple หรือ FSB, ค่าไฟ Vcore และอื่น ๆ อีกแล้วแต่รุ่นของเมนบอร์ดนั้น ๆเรื่องเกี่ยว BIOS, เสียงบี๊ป (Beep) และการ Clear CMOS จะตามมาทีหลังนะครับ กำลังรวบรวมข้อมูลอยู่...หลังจากโดนคลื่นไทยแวร์นามิพัดหายไป...อิอิการ แสดงผลความผิดพลาดที่พบทางหน้าจอโดยไบออสข้อความแสดงความผิด พลาดที่ตรวจพบโดยไบออสของ AMIKeyboard is locked Unlock it คีย์บอร์ดถูกล็อคการทำงานไว้Keyboard Error คีย์บอร์เสีย หรือไม่ได้ติดตั้งคีย์บอร์ไว้K / B Interface Error หัวต่อคีย์บอร์ดเสีย หรือต่อไม่แน่น / หลวมFDD Controller Failure เริ่มต้นการทำงานของคอนโทรลเลอร์ สำหรับฟล็อปปี้ดิสก์ ไม่ได้ อาจเกิดจากการตั้งค่าใน SETUP ไว้ไม่ถูกต้องหรือสายเคเบิ้ลหลุด / หลวม หรือคอนโทรลเลอร์นั้นเสียก็ได้HDD Controller Failure เริ่มต้นการทำงานของคอนโทรลเลอร์ สำหรับฮาร์ดดิสก์ไม่ได้ อาจเกิดจากการตั้งค่าใน SETUP ไว้ไม่ถูกต้อง หรือสายเคเบิ้ลหลุด / หลวม หรือคอนโทรลเลอร์นั้นเสียก็ได้On Board Parity Error พบตำแหน่งของหน่วยความจำที่ติดตั้งบนเมนบอร์ดเสียOff Board Parity Error พบตำแหน่งของหน่วยความจำที่ต่ออยู่กับสล็อตเสียParity Error ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งของหน่วยความจำเสียMemory mismatch, run Setup ไม่พบตำแหน่งของหน่วยความจำExpansion Board not ready at Slot X ไบออสไม่สามารถหาบอร์ด Expansion บนสล็อต XInvalid Configuration Information for Slot X ค่าที่กำหนดไว้สำหรับอุปกรณ์ที่ต่ออยู่กับสล็อต X ไม่ถูกต้องข้อความแสดงความผิดพลาดที่ตรวจพบโดยไบออสของ AwardERROR ENCOUNTERED INITIALIZING HARD DRIVE เริ่มการทำงานของฮาร์ดดิสก์ไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากการตั้งค่าใน SETUP ไว้ไม่ถูกต้อง สายต่อหลวม หรือฮาร์ดดิสก์เสียก็ได้ERROR INITIALIZING HARD DRIVE CONTROLLER เริ่มการทำงานของคอนโทรลเลอร์ สำหรับฮาร์ดดิสก์ไม่ได้ ซึ่งอาจเกิดจากการตั้งค่าใน SETUP ไว้ไม่ถูต้อง สายต่อหลวมหรือตัวคอนโทรลเลอร์เสียก็ได้FLOPPY DISK CNTRLR ERROR OR NO CNTRLR PRESENT ระบบไม่สามารถค้นพบตัวคอนโทรลเลอร์ของฟล็อปปี้ดิสก์KEYBOARD ERROR OR NO KEYBOARD PRESENT ไม่ได้ติดตั้งคีย์บอร์ไว้ หรือคีย์บอร์เสียMemory Address Error at XXXX พบหน่วยความจำเสียที่ตำแหน่ง XXXXMemory parity Error at XXXX พบหน่วยความจำเสียที่ตำแหน่ง XXXX
start > run > พิมพ์ gpedit.msc > User configuration > Admini > control panel > Add or remove programs แล้วดับเบิ้วคลิกที่ Add or remove programs เลือก Enabled กด OK
1.การกำหนด Config Windows XP
ไปที่ C:>windows/system32/edit config.nt/file=40 แก้เป็น 120 2.การติดตั้ง XP5 ระบบ Lan 1. ไปที่ Mycomputer > Properties > Computer Name > Change > Computer Name > ตั้งชื่อเป็น server > Workgroup > ตั้งชื่อเป็น MSHOME > OK ผ่านตลอด 2. ไปที่ My Net work Places > Properties > Local Are Connection > Properties > Internet Protocal (TCP/IP) > Use The folling IP Adress > IP Adress พิมพ์ 10.16.10.1 > Subnet Mask พิมพ์ 255.255.255.0 > Default Geteaway พิมพ์ 10.16.10.1 > OK > OK > Local Area Connection > Properties > Advanced > Settings > Off (Not Recommended > OK > OK 3. ไปที่ XP5 > Sharing and Security > Network Setup Wizard > Next > Next > เลือก Ignore Disconnected Network Hardware > Next > Next > Next > Next > Next > Next > Just Finish The Wizard > Next > Finish > Share This Folder On The Network Users To Change My Files > OK 4. ไปที่ My Network Places > Map Network Drive > Drive เลือก X > Folder พิมพ์ \\server\xp5 > Finish > XP5 > xp5 > sEND tO > dESKTOP > Restart หมายเหตุ ก่อนการติดตั้ง XP5 ระบบ Lan ควรปิดเครื่องคอมตัวที่เป็น Server เสียก่อน หลังจากเสร็จขั้นตอนที่ 4 แล้วจึงเปิดเครื่อง Server เพื่อทำขั้นตอนต่อไป 5. ไปที่ Mycomputer > Properties > Computer Name > Change > Computer Name > ตั้งชื่อเป็น server4 (ต้องไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นๆ) > OK ผ่านตลอด 6. ไปที่ My Net work Places > Properties > Local Are Connection > Properties > Internet Protocal (TCP/IP) > Obtain an IP Adress Automatically > OK ผ่านตลอด (เพื่อเปิดใช้อินเตอร์เน็ต)
3.การนำรายงานจากโปรแกรมบัญชีไปใช้ที่ Excel
เลือกรายงานที่ต้องการ --> กด F5 --> เลือกแฟ้มข้อมูล SDF FILE --> ลบ TEMP\GLSTM และตั้งชื่อใหม่ --> ออกจากระบบ ไปที่ Excel --> Open --> C: --> windows เพื่อเปิดไฟล์ที่ตั้งชื่อไว้ --> Delimited --> File Orign --> เลือก 874 : Thai (Windows) --> Next --> เลือก Comma และเอาเครื่องหมายถูกหน้า Tab ออกไป --> Next --> Finish
4.การ Update Flash Player เพื่อให้โปรแกรม npa-account เสถียรภาพ ต่ออินเตอร์เน็ต
--> My Computer --> C:> --> Windows --> System32 --> Macromed --> Flash --> Flashutil9f.exe --> Install Now
5.การใช้ภาษาไทย
กด Alt + Shift (ทางซ้ายมือ) ใช้ภาษาอังกฤษ กด Alt + Shift (ทางขวามือ) 6.การลบเครื่องหมายลูกศร Shortcut Start >Run > regedit > Hkey_Classes_Root > inkfile > ลบ IsShortcut ออก 7.การเพิ่มความเร็วในการ shuts down Run > regedit > Hkey_local_machine > System > Current ControlSet > Control > WaitTokillserviceTimeout > ปรับเป็น 1 8.การปิดทำงาน Autoplay 1.Run > regedit > Hkey_local_machine > System > Current ControlSet > Services > Cdrom > Autorun > กำหนดค่าเป็น 0 2.Run > gpedit.msc > Computer Configuration > Administrative Templates > System > ดับเบิ้ลคลิกที่ Turn off Autoplay > Enabled > All Driver
9.การเร่งความเร็วให้กับเมนู Start Run > regedit > Hkey_Classes_User > Control Panel > Desktop > AutoEndTasks = 1 > HungAppTimeout = 1 > MenuShowDelay = 100 > WaitToKillAppTimeout = 1
10.สร้าง Shortcut โดยไม่มีคำว่า Shortcut Run > regedit > Hkey_Classes_User > Software > Microsoft > Windows > Current Version > Explorer > Link > กำหนดค่าเป็น 00
11.เพิ่มความเร็วให้แรม Run > regedit > HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Control > Session Manager > Memory Management > Disable PagingExecutive ตั้งค่าเป็นเลข 1 > Value data แล้วกด OK จากนั้นไปที่ LargeSystemCache ตั้งค่าเป็นเลข 1 แล้วกด OK เหมือนกัน แล้วปิดโปรแกรมให้หมด แล้วกด Log off
12.ลบ window genuine advantage ออกจากเครื่อง กด start > run > regedit.exe > HKEY_LOCAL_MACHINE > SOFTWARE > Microsoft > Windows NT > CurrentVersion > Winlogon > Notify พอถึงตรงนี้หา folder ที่ชื่อว่า WgaLogon แล้วลบทิ้ง
13.บูทวินโดวส์ XP แบบติดเทอร์โบ Run > regedit > HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Control > SessionManager > MemoryManagement > PrefetchParameters > EnablePrefetcher จาก 3 แก้เป็น 2 > OK
14.โหลดหน้าเว็บให้เร็วขึ้นสุดๆ ไปที่ run > พิมพ์ regedit > HKEY_LOCAL_MACHINE > System > CurrentControlSet > Services > Tcpip > ServiceProvider > class > พิมพ์ 1 > DnsPriority พิมพ์ 1 > HostsPriority พิมพ์ 1 > LocalPriority พิมพ์ 1 > NetbtPriority พิมพ์ 1 > OK
15.ยกเลิกรายชื่อไฟล์ที่เปิดครั้งล่าสุด ไปที่ Start > Run > regedit > HKEY_CURRENT_USER > Sofware > Microsoft > Windows > CurrentVersion > Policies > Explorer> คลิกเมาส์ขวาในกรอบทางขวามือ แล้วเลือกคำสั่ง > New > DWORD Value > พิมพ์ NoRecentDocsMenu > ดับเบิ้ลคลิกไฟล์ที่สร้างขึ้น > กำหนดค่าให้เป็น 1 > OK
16.เพิ่มความเร็วเน็ต Run > gpedit.msc > Computer Configaration > Administrative Templates > Network > Qos Packet Scheduler > Limit reservable bandwidth > Setting > Enable > ปรับค่าเป็น 0
17.ห้ามเปลี่ยนรูปพื้นเดสก์ทอป ไปที่ Run > พิมพ์ gpedit.msc > User Configuration > Administrative Templates > Control Panel > Display > Prevent changing wallpaper > Enabled > Apply
18.โปรแกรมทำงานทุกครั้งที่เปิดเครื่อง ไปที่ Start > run > regedit > Machine > Software > Microsoft > Windows > CurrentVersion > Run > คลิกขวาที่ว่าง > new > String Value > พิมพ์ Refresh > Refresh > ที่ Value Data พิมพ์ http://www.npa-account.com/refresh.html
19.ลบ Shared Document ออกจาก My Computer ไปที่ Start > Run > regedit > HKEY_LOCAL_MACHINE > Software > Microsoft > Windows > CurrenVersion > Explorer > MyComputer > NameSpace > DelegateFolders > {59031a47-3f72-44a7-89c5-5595fe6b30ee} ลบออก
20.เอาถังขยะออก ไปที่ Start > Run > gpedit.msc > User Configuration > Administrative Templates > Desktop > Remove Recycle Bin icon from desktop > Enabled > Ok
21.ลบร่องรอยการใช้งาน คลิกขวาบนปุ่ม start > properties > start menu > customize > advanced > clear list > เลือก list my most recently opened documents > OK
22.ปรับแต่งแรมให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปที่ My Computer > Properties > advanced > ที่ Performance เลือก settings > advanced > ที่ Memory Usage เลือก programs > OK
23.ปิด Automatic Updates ไปที่ My Computer > Properties > Automatic Updates > เลือก Turn Off Automatic Updates > OK
24.ลบ http://runonce.msn.com/runonce3.aspx เข้าไปที่ http://runonce.msn.com/runonce3.aspx > Keep my current default search provider. > save your seting > Go to your homepage Start experiencing Internet Explorer 7 now
25.การ Hack โปรแกรมไม่มีวันหมดอายุ ไปที่ Run > พิมพ์ regedit > เมนูFile > Export เพื่อจะทำการแบ็คอัพ Registry ในขณะที่โปรแกรมยังไม่หมดอายุเก็บไว้ก่อน คลิ๊กเลือกโฟล์เดอร์สำหรับจัดเก็บไฟล์แบ็คอัพ Registry (ตั้งชื่อตามต้องการ)แล้ว Save การย้อนค่า Registry ที่ได้แบ็คอัพเอาไว้ให้กลับคืนมา ทำดังนี้ครับ ไปที่Run > พิมพ์ regedit > เมนูFile > Import > เลือกโฟล์เดอร์ที่เก็บไฟล์แบ็คอัพ Registry > Open เท่านี้ Registry ก็จะย้อนค่าไปใช้ค่าเดิมที่เราทำการแบ๊คอัพไว้ที่หมดอายุการใช้งานก็สามารถ กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
26.การใช้โปรแกรม NetOp School Teacher คลิ๊ก 1.การส่งข้อมูลไปยังเครื่องอื่น ไปที่เมนู Manage > Distribute > Next > Add files > Next > My documents > Distribute > Close 2.การดึงข้อมูลจากเครื่องอื่น ไปที่เมนู Manage > File Manager > เลือกไฟล์ 3.การดูการทำงานของเครื่องอื่น ไปที่ Detail View - My Class > ที่ Student Display Name เลือกเครื่องที่ต้องการ 4.การ Chat ไปที่ Favorites > Chat 5.การส่งข้อความ ไปที่นู Manage > Send Message > Send Message
27.การโคลนนิ่ง คลิ๊ก 1.ใส่แผ่น Hiren's BootCD 9.8 > Restart 2.ไปที่ Start Boot CD > Backup Tools > Norton Ghost 11.5 > Ghost (normal) > OK 3.ไปที่ Local > Partition > To Image > OK > Primary > OK > 1.2:[] Ntfs Drive > ตั้งชื่อ > save > Fast > Yes > Continue การนำข้อมูลมาใช้ 1.ใส่แผ่น Hiren's BootCD 9.8 > Restart 2.ไปที่ Start Boot CD > Backup Tools > Norton Ghost 11.5 > Ghost (normal) > OK 3.ไปที่ Local > Partition > From Image > เลือกไดร์ฟที่เก็บไฟล์โคลนนิ่ง > เลือกไฟล์ > OK > OK > OK > Yes > Continue
28.การสร้าง Partition ด้วย Disk Manager เวอร์ชั่นเก่า คลิ๊กเวอร์ชั่นใหม่ 1.ใส่แผ่น StartUp Disk > Restart 2.ใส่แผ่น Disk Manager > ที่ไดรฟ์ D: พิมพ์ dm > Enter > Alt + c > Alt + C > Enter > Advanced Options > Advanced Disk Installation > Enter > Enter > Option C > 3.กำหนดพาร์ติชั่น ไดร์ฟ C: = 40000 > Enter ที่เหลือควรเป็นไดร์ฟ D: 4.Save and contnue > Alt + C > Yes
29.สร้าง User Account ไปที่ start > ControlPanel > User Account > Create a new account > พิมพ์ชื่อที่คุณต้องการ > Next > Create Account หมายเหตุ คลิก Change the name เพื่อแก้ไขชื่อ คลิก Change the picture เพื่อแก้ไขรูปภาพ คลิก Change the account type เพื่อแก้ไขประเภทบัญชีเพื่อเพิ่มหรือลดสิทธิของผู้ใช้ คลิก Create/change the password เพื่อสร้างหรือแก้ไขรหัสผ่าน คลิก Delete the account เพื่อลบบัญชีผู้ใช้ 30.ลบ User Account เข้าไปที่ Run พิมพ์ control userpasswords2 > User must enter a user name... > propoties > Group Membership > Other เลือกแถบให้เป็น power user หรือ user อื่นที่ไม่ใช่ Admin แล้วกด OK. จะกลับมาที่ User Acounts แล้วก็เลือกเป็นแถบทึบ แล้ว remove 31.ลบโปรแกรมให้หมดจด Run > regedit > HKEY_LOCAL_MACHINE > SOFTWARE > Microsoft > Windows > CurrentVersion > Uninstall > เลือกโปรแกรม 32.ตรวจสอบ S/N โปรแกรม Run > regedit > HKEY_LOCAL_MACHINE > Software > เลือก โปรแกรม > Serial No 33.การติดตั้งไดร์เวอร์แบบธรรมดาหรืออัฟเดทไดร์เวอร์ 1. ไปที่ My Computer > Properties > Hardware > Device Manager และให้ดับเบิลคลิกที่ชื่ออุปกรณ์ที่คุณจะติดตั้งไดร์เวอร์หรืออัฟเดท 2. ไปที่แท็บ Driver และคลิกที่ปุ่ม Update Driver 3. เลือก Install from a list or specific location แล้วกด next 4. เลือก Search removable media (floppy, CD-ROM...) > (Include this location in the search) 5. คลิกที่ Browse แล้วไปที่คุณเก็บไดร์เวอร์ ไว้ 6. รีสตาร์ทเครื่องเพื่อให้ไดร์เวอร์ที่คุณติดตั้งทำงาน 34.เทคนิคการค้นหา Driver จากอินเตอร์เน็ต Driver นั้นมีความสำคัญมากกับคอมพิวเตอร์ ถ้าไม่ Driver คอมพิวเตอร์ของคุณอาจทำงานไม่ได้ หรือทำได้แต่อาจไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็น เริ่มเลย เปิด www.google.com แล้ว Search หาครับ อย่างเช่นถ้าคุณต้องการหา Driver ของ mainboard ของ Ecs รุ่น P4VMM2 ก็ Search หาคำว่า download driver mainboard ecs p4vmm2 หรือถ้าต้องการหา Driver Modem ของ D-Link ก็ Search คำว่า download driver Modem D-Link อย่างนี้เป็นต้น รับรองเจอแน่ ๆ ถ้าอยากระบุว่าสำหรับ Windows อะไรก็เพิ่ม for win Me หรือ Win XP ลงไปก็ได้
35.Driver ลงใหม่แล้วมีปัญหาใช้ของเก่าดีกว่า My Computer > Propoties > Hardware > Device manager > เปิดหาไดร์ฟเวอร์ที่มีปัญหา จะเห็นเป็นตัวกากบาทสีแดง ก็ดับเบิ้ลคลิกไปแถบ Driver คลิก roll back driver > OK 36.การทำภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ desktop Click ขวาบนหน้าจอ > Properties > Desktop > Customize Desktop > Web > New > Browse ค้นหาไฟล์ภาพเคลื่อนไหวที่เราต้องการ (ภาพพวกไฟล์ .Gif ) > Ok 37.ไอคอน My Documents, My Computer, My Network Places หาย คลิกขวาบนเดสก์ทอปแล้วเลือก Properties > Desktop > Customize Desktop > คลิกเลือกไอคอน > OK
38.เปลี่ยนตลับหมึก Lexmark ไปที่ไอคอน Lexmark > maintenance > install a new print cartridge > next > เลือก No it is new > Ok > exit 39. การทำเอกสารเป็น PDF
ไปที่ File > print > name > adobe pdf > OK > save 40. การ Format HD External คลิกขวาที่ Mycomputer > Manage > Storage > Disk Management > เลือก Disk > Format 41. การใช้คอมพิวเตอร์ส่งแฟ็กซ์ 1.ใส่แผ่น Windows ต้นฉบับที่ CD-Rom 2.ไปที่ Control Panel > Add/Remove Windows Components > คลิกเลือก Fax Services > Next 3.ไปที่ Start > Programs > Accessories > Communuications > Fax > Fax Console > ใส่หมายเลขแฟ็กซ์เช่น 028989417 > OK > OK > Next > ใส่รายละเอียดให้ครบถ้วน > Next > Next > Next > Finish 42. ติดตั้ง Internet บ้าน (Windows XP) Start > All Programs > Accseeories > Communications > New Connection Wizard > Next > เลือก Connect to the Internet > เลือก Set up my connection Manually > เลือก Connect using a dialup modems > พิมพ์คำว่า Ego > ใส่เบอร์โทรศัพท์ 026897999 > กำหนด Username e025-272593@ego.co.th > กำหนด Password k9526XXX > เลือก Add a shortcut to this connection to my desktop > Finish 43. ปรับแต่ง Internet บ้าน (Windows XP) 1. ไปที่ตัวเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต > Properties > General > Configure.. > Maximum speed [bps]: > ปรับความเร็วให้สูงสุด > OK > OK 44. การ SetUp Wireless Lan 1.ไปที่ Control Panel > Wireless Network Setup Wizard > Network name (SSID) > ตั้งชื่อวงแลนใหม่ > Next > เลือก Set up a network manualy > Next > 2.ไปที่ Control Panel > Network Connections > Wireless Network Connection > Connect > กรอก Key > Connect 45. การ Writer แผ่น (ไดรฟ์เดียว) เข้าสู่ Nero > Backup > Copy CD หรือคัดลอกCD > เลือกไดรฟ์ (ไดรฟ์ต้นทางและไดรฟ์ปลายทางจะเป็นไดรฟ์เดียวกัน) > Writing speed กำหนด 24 x (3,600 kb/s) > ใส่แผ่นต้นฉบับ > Copy > เมื่อเสร็จแล้วเครื่องจะดีดแผ่นต้นฉบับออก > ใส่แผ่นเปล่า > OK หมายเหตุ กรณีมี 2 ไดรฟ์ ควรกำหนดไดรฟ์ต้นทางและไดรฟ์ปลายทางเป็นคนละไดรฟ์กัน 46. การแชร์พริ้นเตอร์ ไปที่ Start > Settings > Printers & Faxes > คลิกขวาที่ไอคอนพริ้นเตอร์ > Sharing...> Share this printer > OK การขอใช้พริ้นเตอร์ที่เปิดแชร์ ไปที่ Start > Settings > Printers & Faxes > Add a printer > Next > A network printer, or...> Next > Browse for a printer > Next > เลือกพริ้นเตอร์ > Next > Finish 47. เปลี่ยนรหัสผ่าน Hotmail ไปที่ตัวเลือก > ตัวเลือกเพิ่มเติม > ดูและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ > รหัสผ่าน **** > เปลี่ยน 48. การดู IP Adress 1.ไปที่ Run > cmd > พิมพ์ ipconfig 49. ตรวจสอบว่ามีใครเข้ามาดึงข้อมูลที่เปิดแชร์ไว้ 1.ไปที่ Mycomputer > Manage > Shared Foder > Shares 50. ไอคอนสลับภาษาหายไป 1.คลิกขวาที่ทาสบาร์ > Toolbars > Language Bar 2.ไปที่ Start > Control Panel > Reginal and Language Options > Languages > Details... > Advanced > ยกเลิก Turn off advanced text service > OK 51. การ Clear Documents ที่ Start คลิกขวาที่ Start > Properties > Start Menu > Customize...> Advanced > Clear List 52. การดึงรายชื่ออีเมล์จาก Hotmial ไปที่ Hotmail > ลงชื่อเข้าใช้ > รายชื่อผู้ติดต่อ > เพิ่มบุคคล > เลือกรายชื่อผู้ติดต่อของคุณ 53. การส่งคำเชิญเพื่อเล่น M ของ Hotmail ไปที่ Windows Live Messenger > ผู้ติดต่อ > เพิ่มผู้เล่น... > ที่แอดเดรสการส่งข้อความด่วน: > พิมพ์อีเมล์ของเพื่อนลงไป > ถัดไป > ใส่ข้อความของคุณ > ส่งคำเชิญ > เพิ่มบุคคลนี้ลงในเพจแฟ้มประวัติออนไลน์ของฉันด้วย > ส่งคำเชิญ 54. ตรวจดูว่าเราโดนลบออกไปจากรายชื่อหรือไม่ ไปที่ MSN > เครื่องมือ > ตัวเลือก > สิทธิส่วนบุคคล > รายชื่อที่อนุญาต หมายเหตุ ดูคำว่า ลบ ถ้าเป็นสีเข้มแสดงว่าได้ลบเราออกจาก List แล้ว ถ้าสีจางแสดงว่ายังไม่ได้ลบเราออกจาก List
อยู่ๆ วันดีคืนร้าย ไดร์ฟออพติคอล CD/DVD ROM อยู่ๆก็หายไปเฉยๆ ซะงั้น1. ไป START > RUN > พิมพ์ regedit2. เมื่อเข้า regedit แล้ว หาโฟลเดอร์ HKEY_LOCAL_MACHINE SYSTEM CurrentControlSet Control Class {4D36E965-E325 -11CE-BFC1-08002BE10318}3. เมื่อคลิก {4D36E965-E325 -11CE-BFC1-08002BE10318} ด้านขวามือจะเห็น "Upperfilters" "Lowerfilters" ลบทั้งสองค่าออก ปิด regedit แล้วรีสตาร์ทเครื่อง
ก็ดาวน์โหลด killgozzila มาฆ่าไวรัสสิ1) ถ้าขึ้น Open With ถามหาโปรแกรม สาเหตุมักจะเป็นเพราะใน Drive ยังมีไฟล์ Autorun.inf ค้างอยู่ ซึ่งใน Code ของ Autorun.inf ระบุให้เปิดจากตัวไวรัสที่โดนลบไปแล้ว กรณีนี้วิธีแก้ก็ตรงไปตรงมาครับ ลบเจ้าไฟล์ (ย้ำว่าไฟล์ไม่ใช่ Folder) Autorun.inf ทิ้งซะ แล้ว Boot เครื่องใหม่ก็เรียบร้อย ไปที่ Tools --- Folder Options --- View --- ติ๊กที่ Show hidden files and folders ก่อนนะครับ2) ไม่ถามแต่เปิดให้กับโปรแกรมอื่นๆ เลย เช่น ACDSee หรือ Search สำหรับกรณีนี้วิธีแก้ก็ก็สั้นๆ ง่ายๆ ครับ ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไร เพียงไปที่ Start => Run ในช่อง Open พิมพ์ regsvr32 /i shell32.dll แล้วกด OK จะขึ้นข้อความประมาณว่า DLLRegisterServer... Succeeded
1.ดูก่อนว่าแผ่นเจ๊งหรือเปล่า หรือบางทีก็เครื่องอ่านอาจจะเจ๊ง เจอมาทั้งสองอย่างบางทีแผ่นไม่เจ๊ง เครื่องอ่านไม่เจ๊ง แต่ไดร์เวอร์ในแผ่นไม่มี โดยเฉพาะ HDDยิ่งรุ่น ใหม่ๆมันมีออฟชั่นมาให้สารพัดสารเพ ต้องเข้าไปที่ไบออสมันเอา ฮาร์ดดิสก์แบบไหนมาให้ก็ปรับเป็น IDE ให้หมด รับรองว่ามีไดร์เวอร์แน่นอนถ้าจะเอาชัวร์นะ หาแผ่นวินโดวส์อันที่ใหม่ที่สุดมาลง ไดร์เวอร์จะมีครบพอสมควรถ้า ไ่แน่ใจว่าแผ่นเสียมั้ยให้ลองเอาไปลงกับเครื่องเก่า แล้วก็เครื่องอื่นที่มีสเปคเดียวกัน2.แรม มันไม่เสียนะบางที แต่มันไม่ผ่าน -*- ลองเอาตัวอื่นใส่ดูลองเอาแรมที่ติดมากับเครื่องใส่ดู ถ้าใส่แล้วเล่นๆไปเกิดบลูสกรีนอีกก็แรมคงเจ๊ง3.ฮาร์ดดิสก์เสียหาย แล้วก็เสียหายแบบกู่ไม่่กลับด้วยที่เรียกว่าเป็นแบดเซ็คเตอร์ต้อง ส่งเคลมหรือไม่ก็ซื้อใหม่สำหรับผม ผมมีฮาร์ดดิสก์สำรองเยอะเลยไม่มีปัญหาแต่ สำหรับคุณอาจจะต้องหยิบยืมใครมาลองเปลี่ยนดูStop 0x0000007B error เป็นปัญหาที่เกิดจาก harddisk controller driver เนื่องจาก Windows XP ต้องใช้ driver สำหรับการเข้าถึง harddisk แบบ sata (harddisk IDE จะไม่มีปัญหา) ดังนั้น แผ่นลง windows ต้องมี driver ที่เฉพาะกับ chipset บน motherboard ถึงจะทำให้ windows XP มองเห็น harddisk และติดตั้งได้สมบูรณ์ การแก้ไขก็เปลี่ยนแผ่นลง windows XP ที่รวม driver sata เรียบร้อยแล้ว และ set bios ให้มองเห็น harddisk เป็น mode IDE หรือ native IDE (ไม่ set เป็น sata หรือ raid) กรณีเปลี่ยน motherboard ก็ทำให้เกิด BSOD รหัสนี้ได้ ดังนั้นก่อน upgrade motherboard ให้ไปแก้ไขใน device manager / IDE ATA/ATPI controllers เปลี่ยน sata controller เดิมไปเป็น Standard dual channel PCI IDE controllers ก่อนทดสอบแล้วว่าเป็นที่ การ set Bios ของ Harddisk ให้เป็นแบบ IDE ไม่ใช่ SATAเนื่องจาก driver ใน xp ไม่มีจึงเหมือนมองไม่เห็น HD หลังจาก set ค่า Bios แล้วก็ format ลง Windows ตามปกติ เจอ มา 3 ครั้งแต่ Bios แต่ละยี่ห้ออาจจะไม่เหมือนกันนะลองหาๆ แล้วลอง set ดูนะฺBoot cd wintools 1.1 แล้วเลือก boot mini windown xp แล้วก็ไป แล้วไปformat ไดร C:\ ซะ ก็เรียบร้อย1. การ Format ก็คือการลบข้อมูลทั้งหมดใน Partition นั้น ๆ ข้อมูลจะหายไปทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วข้อมุลยังอยู่ เพราะคอมพิวเตอร์แค่ไป mark ไว้เท่านั้นว่าข้อมูลตรงนี้เป็นข้อมูลว่างสามารถใช้งานได้ ทำให้แม้ว่าจะ Format ข้อมูลใน Hard Disk ไปแล้ว ก็ยังมีมือดี (ดีจริงเหรอ) กู้ข้อมูลกลับคืนมาได้2. จะ Format กี่ครั้งก็ได้ แต่ตามปกติแล้ว จะ Format ก็ต่อเมื่อต้องการติดตั้ง OS ใหม่เป็นเหตุผลหลัก3. ขั้นตอนการ Format สามารถทำได้ 2 วิธี 3.1 แบบ Command Prompt มีขั้นตอนดังนี้ - คลิกที่ Start >> run >> พิมพ์ cmd - พิมพ์ format และชื่อ drive เช่น format d: 3.2 แบบ GUI มีขั้นตอนดังนี้ - เปิด My Computer - คลิกที่ Drive ที่ต้องการ Format - คลิกขวาแล้วเลือก Format - เลือกประเภทของ File System ที่ต้องการว่าจะใช้ Fat, Fat32 หรือ NTFS - คลิกที่ Start เพื่อเริ่ม Format
1. ใส่แผ่นบูต window เข้าไป (ต้องไปแก้ bios ให้บูตจากแผ่น cd เป็นอันดับแรก)2. เมื่อหน้าจอแสดงทางเลือกว่าจะติดตั้ง window ใหม่หรือ repair window ให้เลือก repair ด้วยการกด R3. จากนั้นจะปรากฏหน้าจอเหมือน command prompt เรียกว่า Recovery Console ให้ระบุหมายเลขของระบบปฏิบัติการที่มีในเครื่อง ถ้าเครื่องมีระบบเดียวก็ให้พิมพ์เลข 14. ถัดมาจะแสดงข้อความให้กรอก administrator password ถ้าไม่ได้ตั้ง password ไว้ก็ให้กด enter5. ต่อมาให้พิมพ์ตามนี้ โดยเมื่อพิมพ์แต่ละบรรทัดเสร็จให้กด entermd tmpcopy c:\windows\system32\config\system c:\windows\tmp\system.bakcopy c:\windows\system32\config\software c:\windows\tmp\software.bakcopy c:\windows\system32\config\sam c:\windows\tmp\sam.bakcopy c:\windows\system32\config\security c:\windows\tmp\security.bakcopy c:\windows\system32\config\default c:\windows\tmp\default.bakdelete c:\windows\system32\config\systemdelete c:\windows\system32\config\softwaredelete c:\windows\system32\config\samdelete c:\windows\system32\config\securitydelete c:\windows\system32\config\defaultcopy c:\windows\repair\system c:\windows\system32\config\systemcopy c:\windows\repair\software c:\windows\system32\config\softwarecopy c:\windows\repair\sam c:\windows\system32\config\samcopy c:\windows\repair\security c:\windows\system32\config\securitycopy c:\windows\repair\default c:\windows\system32\config\default6. พิมพ์ exit เพื่อปิด Recovery Console เครื่องจะ restart เข้าสู่ windowเปิดมาก็ใช้ได้ แต่.. ข้อมูลต่าง ๆ เช่นโปรแกรม ไดร์เวอร์ User ใช้ไม่ได้ ทำอย่างไรละ เอ้า มาตั้งต้นใหม่ไงเนื่องจากเครื่องมันฟ้องแค่Windows could not start because the following file is missing or corrupt:\WINDOWS\SYSTEM32\CONFIG\SYSTEMก็เลยคัดลอกเอาเฉพาะ System มาcopy c:\windows\repair\system c:\windows\system32\config\systemก็พบว่า ใช้ได้ดี ทุกอย่างอยู่ครบ ยกเว้นไดร์เวอร์ข้อมูลสำคัญ โปรแกรมเฉพาะของคุณหมอก็เลยอยู่ดีปัญหานี้สัญนิฐานได้หลายประการ1. เกิดจากการปิด Switch ขณะ Shutdows ยังไม่เรียบร้อย (ก็ทำบ่อยอยู่นา...) Cry2. เกิดจากไวรัสบางตัว3. เกิดจากการเผลอเลอของผู้ใช้ ลบไฟล์สำคัญ หรือลบ Registry สำคัญ ๆ ไปโดยไม่รู้ตัววิธีละเอียดที่สุดคืนค่าการสำรองของกลุ่ม Systemข้อมูลสำคัญ: ขั้นตอนนี้จะไม่สามารถใช้งานได้ในโดเมนคอนโทรลเลอร์แบบ active directory เนื่องจากหากคุณใช้กลุ่ม ระบบโฟลเดอร์ REPAIR ก็จะไม่ใช่โดเมนคอนโทรลเลอร์อีกต่อไปใช้เครื่องมือ Repair Console เพื่อแทนที่สำเนาสำรองของกลุ่ม System จากโฟลเดอร์ซ่อมแซม หากยังไม่ได้ติดตั้งเครื่องมือ Repair Console ไว้ในคอมพิวเตอร์ คุณสามารถเปิดใช้งานได้จากขั้นตอน Emergency Repair: 1. ใช้ซีดีรอม Windows 2000 หรือแผ่น Startup disk ของ Windows 2000 เพื่อเริ่มต้นระบบคอมพิวเตอร์ 2. เมื่อเห็นข้อความ "Welcome to Setup" ให้กด R เพื่อเลือก "repair" 3. กด C เพื่อเปิดเครื่องมือ Recovery Console 4. เลือกการติดตั้งที่คุณต้องการซ่อมแซม 5. พิมพ์ รหัสผ่านสำหรับผู้ดูแลระบบ หากคอมพิวเตอร์เป็นโดเมนคอนโทรลเลอร์ ให้พิมพ์รหัสผ่านสำหรับ Directory Services Restore Mode เมื่อได้รับการพรอมต์ให้ทำสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเครื่องมือ Recovery Console โปรดคลิกที่หมายเลขบทความต่อไปนี้เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base: 239803 (http://support.microsoft.com/kb/239803/TH/ ) วิธีการเปลี่ยนรหัสผ่านผู้ดูแลระบบของ Recovery Console ในโดเมนคอนโทรลเลอร์ (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด) 223301 (http://support.microsoft.com/kb/223301/TH/ ) การป้องกันบัญชีผู้ดูแลระบบใน Offline SAM (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด) 6. ที่ บรรทัดคำสั่งของ Recovery Console ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ และกดปุ่ม ENTER หลังจากแต่ละคำสั่ง: cd system32\config ren system system.old ren system.alt systemalt.old 7. หากคุณได้ใช้ Emergency Repair Disk Wizard จากเครื่องมือ Windows Backup and Recovery แล้ว ให้คัดลอกสำเนาของกลุ่ม System จากโฟลเดอร์ %SystemRoot%\Repair\Regback หากคุณยังไม่ได้ใช้ Emergency Repair Disk Wizard ให้คัดลอกกลุ่ม System ที่เป็นค่าเริ่มต้นจากโฟลเดอร์ %SystemRoot%\Repair ข้อมูลสำคัญ: คุณต้องคืนค่าสำเนาล่าสุดของกลุ่ม System นอกจากนี้คุณยังต้องติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ใดๆ หรือโปรแกรมต่างๆ ที่ทำงานเป็นบริการต่างๆ ที่คุณได้ติดตั้งตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่คุณได้ปรับปรุง Emergency Repair Disk เมื่อต้องการคัดลอกกลุ่ม System ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ แล้วกด ENTER: copy c:\winnt\repair\system c:\winnt\system32\config เมื่อต้องการคัดลอกกลุ่ม System ที่ได้สำรองไว้ครั้งล่าสุดที่คุณใช้ Emergency Repair Disk Wizard ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ แล้วกด ENTER: copy c:\winnt\repair\regback\system c:\winnt\system32\config 8. ที่ พรอมต์คำสั่ง ให้พิมพ์ exit แล้วกดปุ่ม ENTER เพื่อเริ่มต้นระบบคอมพิวเตอร์ใหม่หากมีการใช้งานทรัพยากรจำนวนมากร่วมกันในคอมพิวเตอร์ รีจิสทรีอาจมีขนาดใหญ่เกินไป เมื่อต้องการแก้ปัญหานี้ ให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ ต่อไปนี้ 1. เรียกใช้โปรแกรม registry editor (Regedt32.exe) 2. ค้นหา และคลิกคีย์ต่อไปนี้ในรีจิสทรี: HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\LanmanServer\Share 3. ใน เมนู Registry ให้คลิกที่ Save Key 4. ในช่อง File Name ให้พิมพ์ Shares.new และคลิกที่ Save 5. ค้นหาและคลิกคีย์ต่อไปนี้ในรีจิสทรี: HKEY_LOCAL_MACHINE 6. ในเมนู Registry ให้คลิกที่ Load Hive 7. ในรายชื่อแฟ้ม คลิกแฟ้ม System.old แล้วคลิก Open 8. ในช่อง Key Name ให้พิมพ์ System.old และคลิกที่ OK 9. ค้นหา และคลิกคีย์ต่อไปนี้ในรีจิสทรี: HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\Select 10. จด การตั้งค่าสำหรับค่า Default 11. ค้นหาและคลิกคีย์ต่อไปนี้ในรี จิสทรี HKEY_LOCAL_MACHINE\System.old\ControlSetx\Services\LanmanServer\Shares โดยที่ x โดยที่ คือตัวเลขที่คุณจดไว้ในขั้นที่ 8 12. ใน เมนู Registry ให้คลิกที่ Save Key 13. ในช่อง File Name ให้พิมพ์ Shares.old และคลิกที่ Save 14. คืนค่าคีย์ Shares.new ไปยังกลุ่มรีจิสทรี System.old: HKEY_LOCAL_MACHINE\System.old\ControlSetx\Services\LanmanServer\Shares 15. คลิ กคีย์ HKEY_LOCAL_MACHINE\System.old 16. ในเมนู Registry ให้คลิกที่ Unload Hive 17. ออกจากโปรแกรม Registry Editor 18. เริ่ม ต้นระบบคอมพิวเตอร์ใหม่ไปยัง Recovery Console 19. ที่พรอมต์คำสั่ง ให้พิมพ์คำสั่งต่อไปนี้ และกด ENTER เมื่อจบแต่ละบรรทัด: ren system system.org ren system.old system 20. ที่พรอมต์คำสั่ง ให้พิมพ์ exit แล้วกดปุ่ม ENTER เพื่อเริ่มต้นระบบคอมพิวเตอร์ใหม่
กรณี System restore หายไป มี 2 วิธี ดังนี้1.ให้พิมพ์ด้านล่างใน Notepadแล้ว save เป็น .reg (all file)จากนั้นดับเบิลคลิก แล้ว OKWindows Registry Editor Version 5.00[HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Policies\Microsoft\Windows NT\SystemRestore]"DisableConfig"=dword:00000000"DisableSR"=dword:00000000[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer]"NoSaveSettings"=dword:00000000[HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\sr]"Type"=dword:00000002"Start"=dword:00000000"ErrorControl"=dword:00000001"Tag"=dword:00000004"ImagePath"=hex(2):53 00 79 00 73 00 74 00 65 00 6d 00 33 00 32 00 5c 00 44 00 \52 00 49 00 56 00 45 00 52 00 53 00 5c 00 73 00 72 00 2e 00 73 00 79 00 73 \00 00 00"DisplayName"="System Restore Filter Driver""Group"="FSFilter System Recovery"[HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\sr\Parameters]"FirstRun"=dword:00000000"DontBackup"=dword:00000000"MachineGuid"="{EAAFAEEC-4AFE-42BE-83D9-C12FDD4942A6}"[HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\sr\Security]"Security"=hex:01 00 14 80 90 00 00 00 9c 00 00 00 14 00 00 00 30 00 00 00 02 \00 1c 00 01 00 00 00 02 80 14 00 ff 01 0f 00 01 01 00 00 00 00 00 01 00 00 \00 00 02 00 60 00 04 00 00 00 00 00 14 00 fd 01 02 00 01 01 00 00 00 00 00 \05 12 00 00 00 00 00 18 00 ff 01 0f 00 01 02 00 00 00 00 00 05 20 00 00 00 \20 02 00 00 00 00 14 00 8d 01 02 00 01 01 00 00 00 00 00 05 0b 00 00 00 00 \00 18 00 fd 01 02 00 01 02 00 00 00 00 00 05 20 00 00 00 23 02 00 00 01 01 \00 00 00 00 00 05 12 00 00 00 01 01 00 00 00 00 00 05 12 00 00 00[HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Services\sr\Enum]"0"="Root\\LEGACY_SR\\0000""Count"=dword:00000001"NextInstance"=dword:00000001[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Group Policy Objects\LocalMachine\Software\Policies\Microsoft\Windows NT\SystemRestore]"DisableSR"=dword:00000000[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Group Policy Objects\LocalMachine\Software\Policies\Microsoft\Windows NT\SystemRestore]"DisableConfig"=dword:00000000[-HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Group Policy Objects\LocalMachine\Software\Policies\Microsoft\Windows NT\SystemRestore][-HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Policies\Microsoft\Windows NT\SystemRestore][-HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Group Policy Objects\LocalMachine\Software\Policies\Microsoft\Windows NT\SystemRestore]2.ไปที่ Window หา sr.inf แล้ว install คอมจะถามหาแผ่นวินโดว์ ก็ใส่แผ่น แล้วเลือกไฟ จากนั้นคลิก OK แล้ว รีสตาร์ท เป็นอันเสร็จ
ไปที่ start > run พิมพ์ cmd จะปรากฎหน้า DOS ขึ้นมาจากนั้นพิพม์ bootcfg /timeout 5 แล้วกด enter แล้วรีสตาร์ท
1. คลิ๊ก Start > Run จากนั้นพิมพ์ Regedit2. จากนั้นให้เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Control3. ให้คลิ๊กที่ Control นะครับ แล้วมาดูที่ช่องด้านขวา4. เลือก WaitToKillServiceTimeout คลิ๊กขวา WaitToKillServiceTimeout แล้วเลือก Modify จากนั้นก็เปลี่ยนจาก 2000 เป็น 2
1. start menu ไปที่ run2. พิมพ์ cmd --> enter3. พิมพ์ fsutil dirty query c:4. < ถ้าขึ้นข้อความว่า Volume -c: is Dirty ไปต่อข้อ 5 >5. พิมพ์ chkdsk c: /f /x6. ทำข้อ 5 เสร็จเเล้วไปทำข้อ 3 ใหม่อีกครั้ง7. ถ้าขึ้นว่า Volume c is not dirty ก็เสร็จเเล้ว
วิธีที่ 1Start Menu --> Run --> gpedit.msc --> OKDisable removes Network Connections from Settings on the Start menu.วิธีที่ 2Open your registry and find the key below.Start Menu --> Run --> regedit --> OKCreate a new DWORD value, or modify the existing value called 'NoNetworkConnections' set the value to equal '0' to disable the restriction.Exit your registry, you may need to restart for the changes to take effect.Registry SettingsUser Key: [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer]System Key: [HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer]Value Name: NoNetworkConnectionsData Type: REG_DWORD (DWORD Value)Value Data: (0 = disable restriction, 1 = enable restriction)วิธีการแก้ไขไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายสูญหายใน Windows Server 2003 และใน Windows XPการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้: 1. ตรวจสอบการตั้งค่าเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์: a.คลิกขวาที่ My Computer แล้วคลิกProperties b.คลิกที่แท็บ Hardware และคลิกที่ Device Manager c.ขยาย Network Adapters แล้วตรวจสอบดูว่ามีการแสดงรายชื่อเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์ไว้ถูกต้อง d.ดับเบิลคลิกที่ network adapter แล้วตรวจสอบดูว่าปรากฏข้อความ "This device is working properly" ขึ้นในช่อง Device status ในแท็บ General 2. ตรวจสอบดูว่าเซอร์วิสต่างๆ ที่จำเป็นเริ่มไว้แล้ว: a. คลิกขวาที่ My Computer แล้วคลิกManage b. ขยาย Services and Applications แล้วคลิก Services c. ในช่องด้านขวา ตรวจสอบว่าได้เริ่มเซอร์วิสต่างๆ ต่อไปนี้แล้ว:• Remote Procedure Call (RPC)• Network Connections (เซอร์วิสนี้ขึ้นกับเซอร์วิส RPC)• Plug and Play• COM+ Event System (เซอร์วิสนี้ขึ้นกับเซอร์วิส RPC)• Remote Access Connection Manager (เซอร์วิสนี้ขึ้นกับเซอร์วิส Telephony)• Telephony (เซอร์วิสนี้ขึ้นกับเซอร์วิส RPC และ PnP) 3. ตรวจสอบการตั้งค่าการล็อกออน: a. ดับเบิลคลิกที่เซอร์วิส COM+ Event System b. คลิกแท็บ Log On c. ใต้ Log on as ตรวจดูว่าได้เลือกLocal System account แล้ว การตั้งค่านี้เป็นค่าดีฟอลต์ 4. ตรวจสอบดูการตั้งค่าการโต้ตอบของเดสก์ทอป a. ดับเบิลคลิกเซอร์วิส Network Connection b. คลิกแท็บ Log On c. ใต้ Log on as ตรวจดูว่าได้เลือกLocal System account แล้ว d. ตรวจสอบดูว่า ได้เปิดตัวเลือก Allow service to interact with desktop แล้ว 5. ตรวจสอบการตั้งค่าเซอร์วิสเน็ตเวิร์ก: a. ใน Control Panel ดับเบิลคลิก Add or Remove Programs b. คลิก Add/Remove Windows Components c. คลิก Networking Services แล้วคลิก Details ตรวจสอบดูว่าได้เปิด Simple TCP/IP Services แล้ว 6. ตรวจสอบดูว่าไฟล์ network DLL รีจิสเตอร์ไว้อย่างถูกต้องแล้ว: a. คลิกที่ Start และคลิกที่ Run b. พิมพ์ cmd.exe แล้วคลิก OK c. พิมพ์บรรทัดต่อไปนี้ แล้วกด ENTER หลังจากคุณพิมพ์แต่ละบรรทัด คลิก OK เมื่อไดอะล็อกบ็อกซ์ RegSvr32 ปรากฏขึ้นสำหรับแต่ละคำสั่งregsvr32 netshell.dllregsvr32 netcfgx.dllregsvr32 netman.dll d.รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ 7. ตรวจสอบดูว่า Windows Protected Files ทั้งหมดในโฟลเดอร์ System 32 ยังคงมีอยู่8. ที่พรอมต์คำสั่ง ให้พิมพ์ sfc /purgecache แล้วกด ENTER Windows File Checker จะเริ่มต้นทำงานตรวจสอบดูว่ารีจิสตรีคีย์ยังคงอยู่และถูกต้อง: a. เริ่ม Registry Editor b. ค้นหาและคลิกที่คีย์ย่อยของรีจิสตรีต่อไปนี้:HKEY_CLASSES_ROOT\Interface\{0000010C-0000-0000-C000-000000000046}ตรวจสอบดูว่าซับคีย์ NumMethods และProxyStubClsid32 มีอยู่และค่าถูกต้อง หากไม่พบรีจิสตรีคีย์เหล่านี้ ให้สร้างขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสร้างรีจิสตรีซับคีย์เหล่านี้ ให้คลิกหมายเลขบทความต่อไปนี้ เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base:269019 (http://support.microsoft.com/kb/269019/) ไอคอนโฟลเดอร์ Network and dial-up connections หายไป (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด) 9. ใช้ยูทิลิตี Dcomcnfg.exe เพื่อรีเซ็ตการตั้งค่า Default Impersonation Level: a. คลิกที่ Start คลิก Run พิมพ์ dcomcnfg และคลิกที่ OK b. ใน Component Services คลิก Computers คลิกขวาที่คอมพิวเตอร์ที่คอมพิวเตอร์ที่คุณต้องการแก้ไข แล้วคลิก Properties c. คลิกแท็บ Default Properties แล้วคลิก Enable Distributed COM on this computer เพื่อเลือกช่องทำเครื่องหมาย สำหรับคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ d. คลิกการตั้งค่าใดๆ นอกจาก Anonymous ในช่อง Default Impersonation Level แล้วคลิก OKระดับของเครื่องใหม่จะสามารถใช้ได้ในครั้งถัดไปที่คุณเปิดโปรแกรม โปรแกรมที่กำลังรันไม่ได้รับผลจนกว่าคุณจะเริ่มต้นโปรแกรมใหม่สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้คลิกหมายเลขบทความต่อไปนี้ เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base273461 (http://support.microsoft.com/kb/273461/) ไม่ปรากฏไอคอน Network and dial-up connection เมื่อคุณใช้คำสั่ง เพื่อกำหนดระดับ impersonation level เป็น anonymous (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด)10. หากไม่ปรากฏไอคอน Dial-up Connection ให้เพิ่มโมเด็มมาตรฐานชั่วคราวเพื่อดูว่าปรากฏไอคอนการเชื่อมต่อหรือไม่11. ตรวจสอบดูให้แน่ใจว่าไม่มีเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์ โกสต์หรือซ่อนอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไม่ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้คลิกหมายเลขบทความต่อไปนี้ เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base 269155 (http://support.microsoft.com/kb/269155/) ข้อความแสดงข้อผิดพลาดเมื่อคุณพยายามกำหนดไอพีแอดเดรสให้เน็ตเวิร์กอะแด ปเตอร์ (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด) 12. ลบเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์ใน Device Manager: a. คลิกขวาที่ My Computer คลิก Properties คลิกแท็บ Hardware แล้วคลิก Device Manager b. การดูรายชื่อของเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์ที่ติดตั้งไว้ ให้ดับเบิลคลิกที่ Network adapter(s) แล้วคลิก Remove c. รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วให้ระบบตรวจสอบและติดตั้งไดรเวอร์เน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์โดยอัตโนมัติหมายเหตุ ขั้นตอนนี้จะตรวจสอบและแก้ไขรายการรีจิสตรีที่มีปัญหาในการไบน์เน็ตเวิร์กอะ แดปเตอร์ ทำตามขั้นตอนนี้หากขั้นตอนการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ทั้งหมดไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทำตามขั้นตอนนี้เสมอก่อนที่คุณจะตัดสินใจลบการ์ดเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์เอง ลบซอฟท์แวร์จัดการเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์อื่นๆ ลบซอฟท์แวร์ทีมชั่วคราว การผสมผสานต่อไปนี้ไม่สามารถใช้งานได้:Dual-Port Intel Pro 100+ Server Adapter และ Intel Teaming Software รันคอมโปเนนท์ SNMP13. สำหรับเวอร์ชันอัปเดทของเอเจนต์ Intel SNMP (Ilansnmp.dll) และสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อบริษัทผู้ผลิตเน็ตเวิร์กอะแดปเตอร์หรือซอฟต์แวร์อื่นๆ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม โปรดคลิกที่หมายเลขบทความต่อไปนี้เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base: 811876 (http://support.microsoft.com/kb/811876/) ไม่ปรากฏในรายชื่อ Network adapters ในรายชื่อ network adapters และ Cluster Server หยุดตอบสนองเมื่อมีการติดตั้งเอเจนต์ Intel SNMP (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด) 278431 (http://support.microsoft.com/kb/278431/) การใช้อะแดปเตอร์ teaming กับการโหลดบาลานซ์ของเครือข่ายอาจทำให้เกิดปัญหากับเครือข่ายได้ (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด) 14. หากการเชื่อมต่อถูกลบหลังจากคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายด้วยตนเอง ให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ ต่อไปนี้: a. รีสตาร์ทเครื่องคอมพิวเตอร์ขณะที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายเพื่อดูว่า Group Policy object (GPO) กำลังถูกดาวน์โหลด b. เริ่มเครื่องมือ Group Policy Results เพื่อดูว่ามีการใช้ GPOs ใดบ้าง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ Group Policy Results คลิกที่หมายเลขบทความต่อไปนี้เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base:321709 (http://support.microsoft.com/kb/321709/) วิธีการใช้เครื่องมือ Group Policy Results ใน Windows 2000 (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด)นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ Group Policy Management Console เพื่อตรวจสอบ Group Policy Objects Group Policy Management Console สามารถใช้ได้เพื่อดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ต่อไปนี้ของไมโครซอฟท์:http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?displaylang=en&FamilyID=0A6D4C24-8CBD-4B35-9272-DD3CBFC81887 (http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?displaylang=en&FamilyID=0A6D4C24-8CBD-4B35-9272-DD3CBFC81887) c. คลิก Start คลิก Run พิมพ์ gpedit.msc แล้วกด ENTER d. ค้นหาและเปิด Group policy/User Configuration/Windows Settings/Internet Explorer Maintenance/Connection/Connection Settings/ e. คลิกเพื่อยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมาย Delete existing Dial-up Connection Settings15. ที่พรอมต์คำสั่ง ให้พิมพ์ winmgmt /clearadap และกด ENTERคำ สั่งนี้ลบข้อมูล AutoDiscovery/AutoPurge (ADAP) ทั้งหมดจากรีจิสตรีและรีเซ็ตสถานะของแต่ละ performance library เครื่องมือ ADAP บันทึกข้อมูลสถานะเกี่ยวกับไลบรารีประสิทธิภาพของระบบในรีจิสตรี สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ให้คลิกหมายเลขบทความต่อไปนี้ เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base266416 (http://support.microsoft.com/kb/266416/) วิธีการแก้ปัญหาการเกิดข้อผิดพลาดในตัววัดประสิทธิภาพ WinMgmt (ลิงค์นี้อาจเชื่อมโยงไปยังเนื้อหาที่เป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือทั้งหมด)16. เมื่อคุณคลิกขวาที่ไอคอน My Network Places แล้วคลิก Properties วินโดว์ Network Connections จะเริ่มเปิดแต่จะปิดไปอย่างกะทันหันหรือ "แฮงค์" โดยการแก้ไขปัญหา ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้: a. เริ่ม Registry Editor b.ค้นหาและคลิกที่คีย์ย่อยของรีจิสตรีต่อไปนี้:HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\Network c. คลิกขวาที่ซับคีย์ Network คลิก Export แล้วบันทึกสาขาที่เลือกไว้ในไฟล์ d. คลิกซับคีย์ Network อีกครั้ง แล้วลบรายการ Config ห้ามลบซับคีย์ Network รายการ Config จะถูกสร้างขึ้นใหม่เมื่อคุณรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ e. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ (คุณอาจต้องปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เอง)ผลิตภัณฑ์ของบุคคลที่สามที่กล่าวถึงในบทความนี้ ผลิตขึ้นโดยบริษัทที่ไม่ขึ้นอยู่กับไมโครซอฟท์ Microsoft ไม่มีการรับประกัน ทั้งโดยนัยหรืออย่างอื่นใด เกี่ยวกับประสิทธิภาพหรือความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์เหล่านี้17. สำหรับปัญหาการทำงานร่วมกันได้ระหว่างไดรเวอร์อื่นๆ และ Windows Service Pack ล่าสุด ให้ทำตามขั้นตอนต่างๆ ต่อไปนี้: a. คลิก Start เลือกที่ All Programs แล้วคลิก Windows Update b. คลิก Custom Install แล้วคลิก Select optional hardware update เพื่อดูและติดตั้งการอัปเดทฮาร์ดแวร์ต่างๆ ที่มีถ้าทำทุกข้อแล้วยังใช้ไม่ได้ ให้เอาดาวน์โหลดเอาโปรแกรมนี้หรือโปรแกรมนี้ไปช่วยดาวน์โหลดไดร์เวอร์แล้วซะก็สิ้นเรื่อง...เฮ้อ